วิธีการทํามายแมพหรือมายแมพปิ้ง

การทำมายแมพหรือการเขียนมายแมพปิ้งที่ถูกต้อง ทำอย่างไร สอนวิธีทำมายแมพปิ้งง่ายๆ สวยๆ พร้อมรูปแบบตัวอย่างการเขียน Mind Map

1.ตั้งสติ คิดถึงประเด็นสำคัญที่สุดของเรื่องนั้น ถามตัวเองว่า กำลังจะทำบันทึกเรื่องใด หรือกำลังพยายามจะแก้ปัญหาอะไร

2.วางกระดาษเปล่าในแนวนอน เพื่อเตรียมวาดภาพแก่นแกนสำหรับการทำมายแมพ ให้ปลดปล่อยจินตนาการ สร้างภาพให้เด่นชัด ทรงพลัง

how to make mind map pic1 1

3.วาดภาพแก่นแกนที่สื่อให้เห็นเป้าหมายไว้ตรงกลาง (ขนาดประมาณเหรียญ 10 บาทสำหรับกระดาษ A4) โดยไม่ต้องกังวลว่าจะวาดไม่ได้หรือไม่สวย

รูปวาดจะช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ ส่วนรูปแบบ สีสัน และสัญลักษณ์จะทำให้มายแมพโดยรวมดูดีกว่าที่คิดไว้

4.ใช้สีอย่างน้อย 3 สีในการวาดภาพเน้นให้เห็นโครงสร้าง พื้นผิว รายละเอียดเพื่อให้มองได้ไหลลื่น สร้างภาพให้ชัดได้สะดุดตา

ลองสร้างรหัสสีเพื่อแบ่งประเภทข้อมูลและเน้นย้ำถึงความสำคัญในแต่ละเรื่อง

how to make mind map pic2

5.เริ่มวาดเส้นหนาๆ ชิดติดกับภาพแก่นแกน ให้มีลักษณะโค้งเรียวตามธรรมชาติ เรียกว่ากิ่งแก้ว ซึ่งจะดูคล้ายกิ่งไม้กิ่งหลักๆที่รองรับกิ่งย่อยๆที่จะเกิดตามมา

ขอย้ำว่าต้องลากเส้นกิ่งแก้วทุกเส้นต่อเชื่อมกับภาพแก่นแกน เพราะสมองทำงานได้ดีที่สุดเมื่อมีการเชื่อมโยง

6.วาดเส้นกิ่งแก้วให้มีลักษณะโค้งเรียวจากใหญ่ไปเล็ก เพราะเส้นโค้งจะทำให้ดูสบายตาน่าจดจำกว่าเส้นตรงแข็งๆ

7.เขียนคำดังบนกิ่งแก้วแต่ละกิ่ง เพื่อโยงใยเข้ากับหัวเรื่อง คำบนกิ่งแก้วคือประเด็นหลัก (และเป็นการจัดลำดับพื้นฐานความคิด) ที่มีความสัมพันธ์กับเนื้อหา

เช่น สถานการณ์ ความรู้สึก ข้อมูล ทางเลือกต่างๆ อย่าลืมว่าต้องใช้หนึ่งคำดังต่อหนึ่งเส้น เพื่อจุดประกายความคิดสร้างสรรค์

เปิดโอกาสให้ความคิดอื่นๆไหลพรั่งพรูตามมา อย่าใช้วลีหรือประโยค เพราะจะทำให้คุณสับสน

how to make mind map pic3

8.ลองเพิ่มเส้นเปล่าๆอีกสองสามเส้น เดี๋ยวสมองก็หาคำมาเติมได้เองโดยธรรมชาติ

how to make mind map pic4

9.จากนั้นแตกกิ่งก้อยซึ่งเป็นกิ่งย่อยๆต่อเนื่องจากกิ่งแก้ว

  • กิ่งก้อยระดับ 1 เชื่อมตรงและขยายจากกิ่งแก้ว
  • กิ่งก้อยระดับ 2 เชื่อมตรงและขยายจากกิ่งก้อยระดับ 1
  • กิ่งก้อยระดับ 3 เชื่อมตรงและขยายจากกิ่งก้อยระดับ 2
  • สิ่งสำคัญในขั้นตอนนี้ คือการเชื่อมโยงและประเด็นรอง คำที่คุณเลือกใช้กับกิ่งเหล่านี้อาจเป็นคำถามประเภทใครทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เพราะเหตุใด เมื่อไหร่

เคล็ดลับการทำมายแมพให้ดี

1.เน้นย้ำส่วนสำคัญ

ตรงแก่นแกนต้องมีภาพเสมอ

mind map begin with central image 1

  • ภาพแก่นแกน จะเป็นศูนย์รวมสายตาและสมอง ช่วยกระตุ้นความคิด จินตนาการ และความจำ
  • ภาพที่น่ามองจะช่วยทำให้คุณทำมายแมพอย่างสบายใจ และอยากกลับมาทบทวน
  • ถ้าคิดหาภาพมาแทนคำไม่ได้ ก็ให้เขียนตัวหนังสือให้ดูเป็นภาพกราฟิกที่น่าสนใจ ใช้ตัวอักษรแปลกๆเน้นย้ำแรเงา เป็นตัวหนา สามมิติ ใส่สีสัน เน้นหนักเบาได้
use images wherever possible

ใช้ภาพให้มากที่สุด

  • ภาพยิ่งเยอะยิ่งดี มายแมพจะยิ่งดูโดดเด่นและดึงดูความสนใจได้ดี ช่วยเปิดจินตนาการคุณให้กว้างไกล และช่วยกระตุ้นสมองทั้งสองซีกได้ดี
  • ใช้สีไม่น้อยกว่า 3 สีในภาพแก่นแกน สีจะช่วยกระตุ้นความจำและความคิดสร้างสรรค์ ช่วยให้สมอตื่นตัว ถ้าใช้แค่สีเดียวสมองจะอยากหลับ
  • เขียนภาพและคำดังให้ดูดีมีมิติ โดดเด่นเห็นชัด เพื่อให้จดจำได้ง่าย
branch vary in size

ใช้คำเส้นและภาพที่หลากหลาย

  • ตัวอักษรหลายขนาดสื่อให้เห็นถึงความสำคัญและลำดับที่แตกต่างกันได้เป็นอย่างดี
right amount of space mind map

ใช้พื้นที่ว่างอย่างเป็นระเบียบ

  • จัดระเบียบกิ่งก้านบนหน้ากระดาษให้ดูดี จะช่วยสื่อถึงความสำคัญ และประเภทของความคิดได้ดี  ทำให้อ่านได้ง่าย และน่าสนใจกว่าการปล่อยให้มีช่องว่างบ้าง ไม่แออัด จะช่วยทำให้มองเห็นเนื้อหาได้ชัดเจน ช่องว่างจึงมีความสำคัญต่อการสื่อสาร
use connecting arrow to link 1

2.เน้นการเชื่อมโยง

ใช้ลูกศร

  • ใช้ลูกศรเชื่อมโยงความสัมพันธ์ ทั้งในกิ่งเดียวกันและข้ามกิ่งได้
  • ลูกศรช่วยชี้นำสายตา เชื่อมประเด็นหลักมากกว่าหนึ่งประเด็น ลูกศรสื่อถึงการเคลื่อนไหว ซึ่งการเคลื่อนไหวช่วยให้จดจำและนึกถึงได้ง่าย
  • ลองใช้ลูกศรหลายๆแบบ หลายๆขนาด สีสัน รูปทรงหลากหลายจะทำให้มายแมพโดดเด่นติดตา

ใช้สีสัน

  • สีสันกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และความจำ
  • เลือกใช้รหัสสี จะช่วยให้ค้นหาข้อมูลได้เร็ว และช่วยให้จดจำได้ง่าย
  • เมื่อทำมายแมพสำหรับใช้เป็นกลุ่ม รหัสสีจะช่วยให้สมาชิกในกลุ่มเข้าใจตรงกัน
use symbol for mind map

ใช้สัญลักษณ์

  • สัญลักษณ์ช่วยเชื่อมโยงและทำให้เข้าใจเนื้อหามากขึ้น ช่วยประหยัดเวลาและพื้นที่ในการเรียน 
  • สัญลักษณ์ที่ใช้ในมายแมพหรือมายแมพปิ้งมีได้หลายรูปแบบ เช่น เครื่องหมายถูก-ผิด วงกลม สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม หรือการขีด เส้นใต้ หรือจะใช้สัญลักษณืที่มีรายละเอียดมากกว่านี้ก็ได้

3.ชัดเจน

หนึ่งคำดังต่อหนึ่งเส้น

  • การใช้หนึ่งคำดังต่อหนึ่งเส้น จะทำให้เกิดการคิดแบบรัศมีได้ไม่รู้จบ เมื่อคุณใช้ได้คล่อง สมองจะมีอิสระสามารถระเบิดความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างยอดเยี่ยม
  • คำดังแต่ละคำมีศักยภาพในการเชื่อมโยงไปยังคำหรือความคิดอื่นๆอีกนับไม่ถ้วน
  • การแบ่งความคิดออกเป็นคำพูด (คำที่ไม่สามารถแบ่งย่อยได้อีกแล้ว) ช่วยเปิดโอกาสให้เชื่อมโยงไปยังคำอื่นๆ หรือภาพที่อยู่ถัดไปได้อีก และช่วยให้สมองเปิดกว้างมองหาความคิดใหม่ๆ

เขียนตัวใหญ่ (ถ้าเป็นภาษาอังกฤษใช้ตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด)

  • ตัวพิมพ์ใหญ่ยังเน้นให้เห็นถึงความสำคัญ ทำให้เชื่อมโยงและนึกได้อย่างรวดเร็ว
  • ตัวอักษรขนาดใหญ่และตัวพิพม์ใหญ่ มีรูปร่างและขนาดที่เห็นได้ชัดเจน ช่วยทำให้จดจำได้ง่าย
  • ไม่ต้องกังวลว่าจะเสียเวลาในการเขียนตัวพิมพ์ใหญ่ เพราะการที่คุณจำได้เยอะ นึกออกได้เร็วนั้นคุ้มค่ากว่ามาก

เขียนคำบนเส้น

  • เส้นที่รองรับใต้คำดัง ช่วยแสดงให้เห็นการเชื่อมโยงความสัมพันธ์กับคำภาพความคิดอื่นๆได้ชัดเจน
  • คำดังไม่ควรอยู่ลอยๆ ต้องเชื่อมโยงไปยังเส้นต่อไป สมองจะได้ผลิตความคิด ผลิตคำมาวางบนเส้นต่อเนื่องๆกันไปได้เรื่อยๆ

ลากเส้นให้ยาวเท่ากับคำ

  • เส้นที่ยาวเท่าคำ จะช่วยทำให้มายแมพดูสวยงามมากขึ้น และเชื่อมต่อไปยังคำต่อไปได้ง่ายขึ้น
  • ประหยัดพื้นที่ เพื่อจะได้มีพื้นที่ให้การแตกความคิดใหม่ๆมากขึ้น

เชื่อมเส้นต่างๆที่เกี่ยวข้องกัน ให้ต่อเนื่องกัน และเชื่อมกิ่งแก้ว (กิ่งหลัก) ให้ติดกับภาพแก่นแกน

  • เส้นเชื่อมต่อช่วยให้ความคิดเชื่อมโยงลื่นไหล
  • เส้นนอกจากจะรองรับใต้คำแล้ว คุณยังสามารถวาดต่อไปให้ปลายโค้งวนกลายเป็นลูกศร ห่วง วงกลม วงรี และรูปเหลี่ยมต่างๆ ตามแต่จะจินตนาการได้
branch vary in thickness

เส้นกิ่งแก้วควรเป็นเส้นหนาและโค้งเป็นธรรมชาติ

  • เส้นหนาเป็นการเน้นย้ำสมองให้จดจำให้จดจ่อ ว่านี่คือประเด็นใหญ่ที่สำคัญ ถ้าตอนวาดไม่แน่ใจว่าเส้นไหนควรเป็นเส้นใหญ่ที่บ่งบอกความสำคัญ ให้วาดต่อจนเสร็จก่อน

    จากนั้นพิจารณามายแมพที่ได้ แล้วค่อยกลับมาเน้นย้ำให้เส้นธรรมดาๆกลายเป็นเส้นใหญ่ที่แสดงข้อมูลสำคัญได้

สร้างรูปทรงต่างๆหรือกรอบรอบกิ่ง

  • รูปทรงจะช่วยกระตุ้นจิตนาการ
  • การล้อมกรอบรอบกิ่งและระบายสีจะช่วยให้จดจำรูปร่างและเนื้อหาของมายแมพได้แม่นยำขึ้น

วาดรูปให้ชัดเจนที่สุด

  • ภาพยิ่งชัด ความคิดยิ่งลื่นไหล มายแมพที่ชัดเจนย่อมดูดี น่าประทับใจ และสบายตา

วางกระดาษในแนวนอน

  • แนวนอน ทำให้ง่ายต่อการแตกกิ่งและสร้างสรรค์มายแมพ
  • เมื่อกลับมาทบทวน ภาพแนวนอนจะอ่านได้ง่ายและเร็วกว่า

เขียนตัวหนังสือให้ตั้งตรงมากเท่าที่ทำได้

  • เขียนตัวหนังสือให้ตั้งตรงไม่ว่าเส้นจะทำมุมอย่างไร เพราะจะช่วยให้อ่านง่าย ความคิดลื่นไหลได้มากและจำได้แม่น

4.จัดลำดับชั้นความสำคัญ

  • โครงร่างและรูปร่างของมายแมพหรือมายแมปปิ้งมีผลอย่างมากต่อประสิทธิภาพในการนำไปใช้งาน

5.ใช้ตัวเลข

  • ในกรณีที่เนื้อหามีลำดับเหตุการณ์มีลำดับที่ต้องเรียงต่อกัน จะต้องวางแผนการวาดแต่ละกิ่งให้สัมพันธ์สอดคล้องกับเงื่อนไขเวลาดังกล่าว
  • อาจใช้ตัวเลขกำกับกิ่ง เช่น 1 สำหรับเหตุการณืแรก 2,3,4 สำหรับเหตุการณ์ต่อๆมา
  • หรืออาจจะใช้วิธีกำกับในลักษณะอื่น เช่น เรียงลำดับกิ่งตามตัวอักษร การใส่วันที่หรือเวลาของเหตุการณ์ในแต่ละกิ่ง เพื่อให้เข้าใจได้ทันที ว่าเหตุการณืหรือเนื้อหาอันไหน เรียงลำดับสัมพันธ์กันอย่างไร

6.ปรับให้เป็นสไตล์ของตัวเอง

  • เราจะจดจำได้มากขึ้นถ้าสร้างสรรค์สิ่งนั้นขึ้นมากับมือ

สิ่งที่ควรระวังในการเขียน Mind Map

สิ่งที่ควรระวังในการเขียน Mind Map มี 3 ประการ คือ

1.การเขียน Mind Map ที่ไม่ใช่ Mind Map ของแท้

not mind map picture

ลองพิจารณารูปร่างเหล่านี้ ภาพด้านบนแสดงให้เห็นถึงการพยายามวาดมายแมพโดยที่ไม่เข้าใจพื้นฐานอย่างแท้จริง

ดูเผิน ๆ ภาพเหล่านี้ก็น่าจะใช้การได้ แต่ถ้าสังเกตดีๆจะพบว่าภาพทั้งหมดละเลยต่อหลักการคิดแบบรัศมี

“ก้อนความคิด”แยกตัวเดี่ยวๆไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาอื่นๆ ไร้การเชื่อมโยง ทําให้สมองไม่ได้ระเบิดความคิดอย่างต่อเนื่อง ตัดโอกาสทางการคิดที่มีประสิทธิภาพ

ลองเปรียบเทียบกับมายแมพที่ถูกต้องตามหลักการข้างล่างนี้ดู

how to make mind map 597x400 1

2.เพราะเหตุใด คำดังจึงดีกว่าวลี (กลุ่มคำ)

ภาพทั้ง 3 ต่อไปนี้ แสดงให้เห็นว่า เพราะเหตุใดการใช้วลี(กลุ่มคำ) จึงเป็นอุปสรรคต่อการทำมายแมพที่ดี

when mind map is non authentic pic1

แบบแรกแสดงถึงการใช้คำ 3 คำวางเรียงบนเส้นเดียวกัน การวางในลักษณะนี้ไม่มีประสิทธิภาพ เพราะไม่สามารถแตกความคิดออกเป็นประเด็นอื่นๆได้เลย

when mind map is non authentic pic2

แบบสองพัฒนากว่าแบบแรก มีการแบ่งแยกประโยคออกเป็น 3 คำ มีพื้นที่ให้ความคิดแตกตัวได้

แต่การเขียนเป็นคำกระตุ้นเฉพาะสมองซีกซ้าย จำกัดความคิดสร้างสรรค์ และยังมองไม่เห็นชัดว่าคำไหนกันแน่ที่เป็นประเด็นสำคัญ

when mind map is non authentic pic3

แบบสุดท้ายนี้ เป็นไปตามหลักมายแมพ ไม่มียาวเหยียดดูรกตา มีการแตกตัวให้เห็นสาเหตุของความ “ไม่สบายใจ” (Unhappiness)

และยังใส่เนื้อหาเกี่ยวกับ “ความสบายใจ” (Happiness) เข้าไปด้วย มีรูปภาพทําให้น่ามองประยุกต์ปรับเปลี่ยนได้และกระตุ้นความคิดได้ดีกว่ามาก

3.วิตกกังวลว่า Mind Map จะดูยุ่งเหยิง ส่งผลให้เกิดความกังวลในการทำ Mind Map

ขณะจดบันทึกเวลาฟังบรรยาย คุณอาจไม่สามารถสร้างสรรค์มายแมพได้อย่างเรียบร้อยสวยงาม

โดยเฉพาะเมื่อผู้บรรยายขาดการลําดับที่ดี คุณจะกําหนดประเด็นหลักได้ยาก ลักษณะของมายแมพจะสะท้อนลักษณะการบรรยาย ทักษะการจับประเด็น รวมถึงสภาพจิตใจของคุณเอง

ถึงมายแมพจะดู “ยุ่งเหยิง” เพียงใด ก็ยังเก็บข้อมูลได้มาก และทําความเข้าใจได้ดีกว่าการจดบันทึกทุกคําบรรยายตามแบบดั้งเดิม

เมื่อการบรรยายจบลง สละเวลาอีกเล็กน้อยจัดระเบียบปรับปรุง Mind Map ให้ดูดีขึ้นได้ด้วย

  • ลูกศร
  • สัญลักษณ์
  • สีเน้นย้ำ
  • รูปภาพ

และอื่นๆเพื่อให้เห็นการจัดลําดับความคิดพื้นฐาน (BOIs) และความสําคัญได้ชัดเจน อย่าลืมเชื่อมโยงและใส่สีลงไปด้วย

ถ้าเรื่องที่เขียนสําคัญจริงๆขอให้คุณเขียนมายแมพขึ้นมาใหม่ ตามหลักการทำมายแมพดังที่ได้กล่าวมาแล้ว การเขียนซ้ําๆจะช่วยให้จดจําเนื้อหานั้นได้แม่นยําขึ้น

คลิปสอนการเขียน Mind Map

กฎการเขียน Mind Map ตัวอย่างและการฝึกเขียน Mind Map

Reference: credit image and info from

  • Wikipedia Tony Buzan
  • the mind map book by Tony Buzan and Barry Buzan
  • mind map mastery book by Tony Buzan

บทความที่เกี่ยวข้อง

Resilience ในยุคของการเปลี่ยนแปลง ทักษะสำคัญที่ทุกคนต้องมี

Resilience คืออะไร Resilience หรือ "ความยืดหยุ่น" หมายถึง ความสามารถในการฟื้นตัวจากความยากลำบาก ความเครียด หรือสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวย โดยไม่สูญเสียความมั่นใจและแรงจูงใจในการดำเนินชีวิต…...

ทักษะ resilence คืออะไร

Interpersonal Skills คืออะไร? สำคัญอย่างไรในที่ทำงาน?

ทักษะระหว่างบุคคล Interpersonal Skills คือ ทักษะที่มีความสำคัญในการทำงานและการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น ถือเป็นทักษะพื้นฐานให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น...

interpersonal skills คือ

Analytical Thinking คืออะไร?

การคิดเชิงวิเคราะห์หรือ Analytical Thinking คือ หนึ่งในทักษะแห่งอนาคตที่องค์กรต้องการ เป็นทักษะที่ทำให้แยกแยะหาสาเหตุของปัญหา และแนวทางแก้ไขอย่างเหมาะสม...

analytical thinking คือ

Critical Thinking คืออะไร?

ทักษะการคิดเชิงวิพากษ์หรือ Critical Thinking คือหนึ่งในทักษะแห่งอนาคตที่คนยุคใหม่ต้องมี เพื่อสามารถรับมือกับโลกที่ผันผวน และข้อมูลข่าวสารที่ถาโถมเข้ามาไม่สิ้นสุด...

critical thinking คือ

ขออภัยค่ะ ยังไม่มีหลักสูตร Public Training ในช่วงนี้

กรุณากรอกชื่อและอีเมลฝากไว้ได้นะคะ เราจะแจ้งให้ทราบถ้ามีข้อมูลอัพเดทค่ะ
Subscription Form