Soft Skills คือ ทักษะที่สำคัญของผู้นำและคนทำงานยุคใหม่ ที่จะช่วยให้บุคคลากรสามารถร่วมงานกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งผลต่อความสำเร็จในงานตามที่องค์กรมุ่งหวัง
ในบทความนี้ จะมีคำอธิบายเพื่อให้คุณผู้อ่านได้ทำความเข้าใจเพิ่มเติมว่า Soft Skills คืออะไร หมายถึงหรือแปลว่าอะไร ,
Hard Skills คืออะไร, Soft Skills แตกต่างจาก Hard Skills อย่างไร หร้อมทั้งตัวอย่างในการวัดผล, Soft Skill มีอะไรบ้าง, 6 เหตุผลสำคัญ ว่าทำไมต้องมี Soft Skills พร้อมตัวอย่างประกอบ
หัวข้อในบทความ

Soft Skills คืออะไร?
Soft Skills คือ ทักษะที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานและสมรรถนะที่ไม่ใช่ความรู้หรือทักษะทางเทคนิคเฉพาะทาง เช่น ทักษะการสื่อสาร การทำงานเป็นทีม การแก้ไขปัญหา ความสามารถในด้านการเจรจาต่อรอง การจัดการเวลา และการเป็นผู้นำที่มีความเป็นผู้นำที่มีความเข้าใจและใส่ใจกับความรู้สึกและความต้องการของผู้อื่น ซึ่งภาษาอื่นๆก็มักจะเรียกว่า “people skills” หรือ “interpersonal skills” ด้วย
Soft Skills มีความสำคัญสูงในการประกอบอาชีพเพราะความสามารถในด้านนี้จะช่วยให้เราเชื่อมโยงและทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างสัมพันธภาพที่ดีในที่ทำงาน ซึ่งบริษัทและองค์กรหลายแห่งมักจะคัดเลือกพนักงานที่มี soft skills ที่เหมาะสมเพื่อให้เกิดการทำงานที่ราบรื่นและสามารถทำงานเป็นทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Soft Skills เป็นทักษะที่นายจ้างมักแสวงหาจากผู้สมัครที่พวกเขาจ้าง เพราะในโลกความเป็นจริง แม้พนักงานบางคนอาจเก่งด้านเทคนิคและทักษะเฉพาะงาน แต่ถ้าพวกเขาไม่สามารถจัดการเวลาหรือทำงานเป็นทีมได้ พวกเขาอาจไม่ประสบความสำเร็จในที่ทำงาน
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่นายจ้างมักจะมองหาผู้สมัครงานที่มีทักษะ Soft Skills เนื่องจากงานเกือบทุกประเภทต้องการพนักงานที่มี Soft Skills ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

Hard Skills คืออะไร?
Hard Skills คือ ทักษะทางเทคนิคหรือความรู้เฉพาะทาง ที่เราร่ำเรียนมาหรือศึกษาหาความรู้มาจนเกิดเป็นความสามารถในการประกอบวิชาชีพเพื่อใช้ปฏิบัติงานในตำแหน่งหน้าที่นั้นๆ
Hard Skills เป็นทักษะที่สามารถวัดและประเมินได้โดยเป็นตัวเลขหรือคุณลักษณะที่บ่งบอกถึงความเชี่ยวชาญในด้านนั้น ตัวอย่าง hard skills มีอะไรบ้างเช่น
- ความชำนาญในการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์
- ความรู้และทักษะทางการแพทย์และการดูแลสุขภาพ
- ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์
- ทักษะด้านการออกแบบกราฟิกและออกแบบเว็บไซต์
- ความเชี่ยวชาญในการใช้ซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับงาน
- ความรู้และทักษะด้านการบัญชีและการเงิน
- ทักษะด้านการตลาดและการขาย
- ความชำนาญในการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์เฉพาะทางในงาน
การมี hard skills เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอในการประสบความสำเร็จในที่ทำงาน ซึ่งอาจจะเป็นเพราะ hard skills ใช้เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ในขณะที่สถานการณ์ในสถานที่ทำงานอาจมีความซับซ้อนและเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ความสำเร็จในการทำงานมักขึ้นอยู่กับการรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนและการทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจาก hard skills แล้วยังมี soft skills ที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ เช่น การสื่อสาร การทำงานเป็นทีม การแก้ไขปัญหา การจัดการเวลา และการเป็นผู้นำที่มีความเข้าใจและใส่ใจกับผู้อื่น
ทั้งนี้เพราะภายในสถานที่ทำงานมักมีการต้องสื่อสารกับผู้อื่น ทำงานร่วมกับผู้อื่นในทีม และเผชิญกับปัญหาและท้าทายที่ต้องการการแก้ไข อีกทั้งการจัดการเวลาเป็นสิ่งสำคัญในการทำงานที่มีกำหนดเวลาและส่งมอบผลงาน และการเป็นผู้นำที่มีความเข้าใจและใส่ใจกับผู้อื่นช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีและสนับสนุนให้ทีมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดังนั้น การมีทั้ง hard skills และ soft skills เป็นสิ่งสำคัญในการประสบความสำเร็จในสถานที่ทำงาน ความสามารถใน hard skills ช่วยให้คุณมีความรู้และความเชี่ยวชาญที่จำเป็นในงานของคุณ และสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในความสามารถของคุณเองและสร้างความไว้วางใจในทีมงาน
อย่างไรก็ตาม หากไม่มี soft skills เพียงพอ เช่น การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ เชื่อมโยงและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น การแก้ไขปัญหาอย่างมีเหตุผลและสร้างความเข้าใจ การนำทีมอย่างมีประสิทธิภาพ และความยืดหยุ่นในการปรับตัวต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง อาจทำให้คุณไม่สามารถใช้ hard skills ของคุณได้อย่างเต็มที่ หรือไม่สามารถสร้างความสอดคล้องและสร้างสัมพันธภาพที่ดีในทีมงานได้
ดังนั้น ความสำเร็จในสถานที่ทำงานขึ้นอยู่กับการรวมกันของ hard skills และ soft skills ทั้งสองอย่าง การพัฒนาและปรับปรุงทักษะทั้งสองประเภทเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้คุณเติบโตเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จในอาชีพของคุณได้อย่างเต็มที่

Hard Skills กับ Soft Skills ต่างกันอย่างไร
Hard skills และ Soft skills เป็นสองประเภทของทักษะที่มีความแตกต่างกันในลักษณะและการใช้งาน นี่คือความแตกต่างระหว่าง Hard skills กับ Soft skills:
Hard skills:
- ลักษณะ: Hard skills เป็นทักษะที่เป็นจำนวนเจาะจงและมีลักษณะทางเทคนิคหรือความรู้ที่สามารถวัดและประเมินได้โดยเป็นตัวเลขหรือคุณลักษณะที่บ่งบอกถึงความเชี่ยวชาญในด้านนั้น เช่น ความชำนาญในการเขียนโปรแกรม การใช้งานซอฟต์แวร์ เทคนิคการเงิน-บัญชี เป็นต้น
- การเรียนรู้: Hard skills ส่วนใหญ่สามารถศึกษาและเรียนรู้ได้ผ่านการฝึกฝนและการศึกษาเชิงปฏิบัติ โดยการอบรม การศึกษาในสถาบันการศึกษา หรือการเรียนรู้จากประสบการณ์ในงาน
Soft skills:
- ลักษณะ: Soft skills เป็นทักษะที่เกี่ยวข้องกับแง่บุคลิกภาพและทักษะที่สามารถนำไปใช้ในสถานการณ์ทั่วไปและงานที่มีความหลากหลาย เช่น การสื่อสาร การทำงานเป็นทีม การแก้ไขปัญหา การจัดการเวลา การเป็นผู้นำ การคิดอย่างสร้างสรรค์ เป็นต้น
- การเรียนรู้: Soft skills สามารถพัฒนาและเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต และมักเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ในการทำงาน การสื่อสารกับผู้อื่นการอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องแก้ไขปัญหา การเรียนรู้จากการใช้งานจริง และการพัฒนาตนเองผ่านการปฏิบัติงานและการฝึกฝน
การจะเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จ และมีความสามารถในสถานที่ทำงานได้อย่างเต็มที่ ความสมดุลระหว่าง hard skills และ soft skills เป็นสิ่งสำคัญ
Hard skills ช่วยให้คุณมีความรู้และความเชี่ยวชาญในงานที่ทำ สามารถใช้ทักษะทางเทคนิคเพื่อดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในความสามารถของคุณเองและสร้างความไว้วางใจในทีมงาน
Soft skills เป็นทักษะที่เกี่ยวข้องกับแง่บุคลิกภาพและความสัมพันธ์กับผู้อื่น ทักษะเหล่านี้ช่วยให้คุณสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความเข้าใจและความร่วมมือกับผู้อื่น สร้างความสามารถในการแก้ไขปัญหา และสร้างสัมพันธภาพที่ดีในทีมงาน
การพัฒนาทั้ง hard skills และ soft skills เป็นกระบวนการที่ต้องทำอยู่เสมอ การเรียนรู้ที่ต่อเนื่อง การฝึกฝน การติดตามความก้าวหน้า และการใช้ความรู้และทักษะในการปฏิบัติจริงจะช่วยให้คุณพัฒนาตนเองและเติบโตเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพ

ในช่วงเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา สถาบันการศึกษาต่างๆ เร่งผลิตบัณฑิตป้อนสู่ตลาดวิชาชีพ คล้ายการผลิตสินค้าในระบบอุตสาหกรรม
โดยมุ่งเน้นการสร้างทักษะความรู้ทางวิชาชีพหรือ Hard Skills เป็นอย่างมาก เพื่อป้อนคนเข้าสู่ตลาดแรงงานตามออเดอร์ โดยขาดการให้ความสำคัญในการให้ความรู้และพัฒนาทักษะด้าน Soft Skills ให้แก่เยาวชนมากเพียงพอ
ส่งผลให้ประเทศเราได้คนที่จบมาจากสถาบันการศึกษาที่เก่งแต่ทักษะด้านการงานออกมาเป็นจำนวนมาก แต่ขาดทักษะด้านการบริการอารมณ์และความสัมพันธ์ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อศักยภาพการทำงานของบุคลากรองค์กรและทำให้องค์กรต้องเสียเวลาและสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายที่ต้องตามแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในหลายๆ ด้าน
การสรรหาและคัดเลือกบุคลากรของบริษัทหลายแห่งในยุคปัจจุบัน จึงใช้วิธีดูว่าบัณฑิตจบใหม่มีทักษะด้าน Soft Skills หรือไม่
โดยสังเกตจากพฤติกรรมและกิจกรรมในระหว่างการเรียนในสถาบันการศึกษา พิจารณาประกอบกับประสบการณ์การใช้ชีวิตในการเรียนและการทำงานร่วมกับผู้อื่น และการสัมภาษณ์พูดคุยเพื่อเช็คเรื่องทัศนคติในชีวิตและการทำงาน
โดยมีพื้นฐานมาจากความเชื่อที่ว่า นักศึกษาที่เคยมีประสบการณ์ในการร่วมทำกิจกรรมต่างๆ ระหว่างการเรียนในสถาบันการศึกษา เช่น การทำงานกลุ่ม การเข้าร่วมกิจกรรมของชมรม หรือการทำงานจิตอาสาต่างๆ มักจะมีทักษะด้านมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี มีทักษะการวางแผนที่ดี
สามารถลำดับความสำคัญได้ดีว่าควรทำงานอะไรก่อนอะไรหลัง สามารถบริหารจัดการคนได้เก่ง มีทักษะในการนำเสนองาน และมีซอฟสกิลมากกว่านักศึกษาที่มุ่งแต่เรียนเก่งสอบได้คะแนนสูงมากแต่แทบไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมหรือทำงานร่วมกับคนอื่นเลย
ซึ่งทั่วโลกต่างยอมรับกันว่า คนที่มีไอคิวสูงเพียงอย่างเดียว ไม่อาจประสบความสำเร็จในการทำงานหรือการดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืนหากขาดการพัฒนา Soft Skills อย่างต่อเนื่อง
เพราะฉะนั้นคนเก่งยุคใหม่ของจริงจึงต้องมีทักษะทั้ง 2 ด้าน คือ เก่งทั้งงานและเก่งทั้งคน ซึ่งนับเป็นสุดยอดบุคลากรที่พึงปรารถนาของทุกองค์กร
นักวิชาการบางท่านถึงกับเรียกทักษะด้านนี้ว่า เป็นศักยภาพในการบริหารจัดการคน (People Management Competency)
ซึ่งคนที่มีทักษะด้านนี้ ไม่จำเป็นว่าจะต้องอยู่ในตำแหน่งผู้บริหารหรือหัวหน้างานเสมอไป พนักงานในระดับต่างๆ ก็ควรจะต้องมี Soft Skills เช่นกัน เพราะเมื่อทุกคนร่วมกันทำงานได้ดีอย่างต่อเนื่องก็จะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่องค์กรมุ่งหวังและเกิดเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่ดีได้
หากองค์กรใดมีบุคลากรที่มีทักษะแบบ Soft Skills มากๆ พนักงานเหล่านั้นจะช่วยสนับสนุนให้องค์กรนั้นๆ เป็นองค์กรที่ประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืน
และแม้ว่าจะมีจำนวนพนักงานที่น้อยแต่ผลงานที่ออกมาก็จะมีประสิทธิภาพสูง เพราะบุคลากรที่มีซอฟสกิลจะช่วยลดปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงาน เกิดบรรยากาศที่ดีในการทำงาน ทำให้มีอัตราการลาออกลดลง
เกิดการสื่อสารที่ดีและองค์กรไม่ต้องสูญเสียเวลา สูญเสียเงิน ในการคัดสรรและพัฒนาบุคลากรใหม่อยู่เรื่อยๆ
จึงกล่าวได้ว่า Hard Skills เป็นทักษะทางวิชาชีพที่จำเป็นต่อการทำงานในตำแหน่งหน้าที่นั้นๆ แต่ Soft Skills เป็นทักษะที่บ่งบอกว่าคุณจะสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นในระยะยาวได้ดีแค่ไหน
ดังนั้นคนทำงานจึงต้องมีทักษะทั้ง Hard Skills กับ Soft Skills ร่วมกันจึงจะช่วยส่งเสริมให้หน้าที่การงานเจริญรุ่งเรือง ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนได้
Hard Skills ทำให้คุณได้รับการพิจารณาจากองค์กรในการเรียกสัมภาษณ์ แต่ Soft Skills จะทำให้คุณได้งานและรักษาตำแหน่งงานของคุณไว้ได้
6 เหตุผลสำคัญ ทำไมต้องมี Soft Skills?

1)คนที่มี Hard Skills แต่ขาด Soft Skills ยากที่จะประสบความสำเร็จในการทำงาน
หากเราเป็นคนหนึ่งที่อยากจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เราจะพบว่างานที่เราทำโดยส่วนใหญ่ในปัจจุบันนั้น การมีความชำนาญแค่ทักษะทางวิชาชีพอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว
ทุกอาชีพจำเป็นที่จะต้องมีทักษะ Soft skill เข้ามาเป็นส่วนสำคัญเพื่อให้การทำงานประสบความสำเร็จ
เช่น พนักงานขายที่มีความรู้ความชำนาญด้านการขายสินค้าและการตลาด แต่ถ้าขาดความสามารถในการเข้าใจถึงสิ่งที่ลูกค้าต้องการจริงๆ พนักงานคนนั้นก็คงไม่สามารถที่จะสื่อสารเพื่อปิดดีลหรือรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาวไว้ได้
หรือยกตัวอย่างผู้ที่ทำงานอยู่ในตำแหน่งผู้บริหาร จะเก่งหรือเชี่ยวชาญเฉพาะงานของตัวเอง หรือรู้จักการบริหารทีมเพียงแค่การสั่งงานหรือการควบคุมงานอย่างเดียวก็คงไม่ได้
เพราะเมื่อยุคสมัยผ่านไป ด็กรุ่นใหม่ก็จะมีเพิ่มขึ้นในองค์กรมากขึ้นเรื่อยๆ หากเก่งแต่งานแต่ไม่เก่งคนก็คงจะพัฒนาทีมต่อไปได้ยาก
ดังนั้นผู้บริหารในยุคใหม่จึงจำเป็นที่จะต้องมีทักษะภาวะผู้นำ ทักษะการฟังและการสื่อสารที่ดี, มีความรับผิดชอบ, กล้าตัดสินใจ, มีความสามารถในการสร้างแรงจูงใจให้แก่ทีมที่ทำงานร่วมกันและรู้จักใช้คนให้เหมาะสมกับงานที่ทำ เป็นต้น
2)Soft Skills จะช่วยเพิ่มมูลค่าของคุณในตำแหน่งงานที่คุณทำอยู่
งานในอนาคตเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ด้วยเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว มีการใช้ระบบ AI , Robot และ Application ต่างๆเข้ามาช่วยในการดำเนินธุรกิจมากยิ่งขึ้น
ส่งผลให้ทักษะ Hard Skills ล้าสมัยอย่างรวดเร็ว สิ่งที่เกิดขึ้นคือ องค์กรต่างๆได้มีการเริ่มปรับโครงสร้างของการว่าจ้างพนักงาน โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาเสริมเพิ่มขึ้นและลดรายจ่ายในส่วนของการจ้างพนักงานลง
ในขณะเดียวกัน องค์กรต่างๆมีแนวโน้มที่จะให้ความสำคัญกับบุคลากรที่มีคุณภาพในการทำงานร่วมกับผู้อื่นและสรรหาพนักงานที่มี Soft Skills ที่ดีเข้ามาในองค์กรมากยิ่งขึ้น
เช่น คนที่มีทัศนคติที่ดี มีความพร้อมในการปรับตัว มีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ มีความสามารถในการติดต่อสื่อสารและทำงานประสานร่วมกับผู้อื่นหรือแผนกอื่นๆได้
เพราะองค์กรชั้นนำต่างๆได้ตระหนักดีว่า Soft Skill คือคุณสมบัติที่สำคัญที่พนักงานต้องมี เนื่องจากมีผลต่อความสามารถของการผนึกกำลังเป็นทีมในการแข่งขันทางธุรกิจขององค์กรในระยะยาว
ยกตัวอย่างเช่น บริษัทใหญ่ๆอย่าง Google จะมองหาและคัดเลือกคนที่มีความหลงใหลและรักในการเรียนรู้พัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา และยินดีอ้าแขนรับคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ในการคิดค้นดัดแปลงไอเดียใหม่ๆออกมาให้เป็นจริง
หรือตัวอย่างในการคัดสรรพนักงานใหม่ของบริษัท Amazon ก็ระบุไว้อย่างชัดเจนเลยว่า ต้องการพนักงานที่มีความสามารถในการเรียนรู้และมีทักษะในการแก้ปัญหาเก่ง มาร่วมงานในองค์กร
3)หุ่นยนต์ยังไม่สามารถทดแทนงานที่ต้องใช้ Soft Skills ของมนุษย์ได้
ขณะที่โลกมีความก้าวหน้าทางปัญญาประดิษฐ์หรือ AI (artificial intelligence) หุ่นยนต์และเครื่องจักรได้เข้ามามีบทบาทในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานต่างๆ
ทั้งในระบบการผลิตแบบอุตสาหกรรม ที่มีการใช้หุ่นยนต์ที่ถูกโปรแกรมไว้มาทำงานแทนที่มนุษย์ เช่น งานประกอบรถยนต์ การจัดการคลังสินค้า หรือแม้กระทั่งการประกอบอาหาร ฯลฯ
ซึ่งปัญญาประดิษฐ์จะมีความสามารถในการทำงานด้วยทักษะซ้ำๆที่ต้องการความรวดเร็ว ต่อเนื่อง และจำนวนมากได้
แต่ยังมีงานอีกจำนวนมากที่ AI ยังไม่สามารถทำหน้าที่แทนมนุษย์ได้ เพราะปัจจุบันเทคโนโลยีด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในปัจจุบันยังไม่สามารถที่จะพัฒนาในส่วนของอารมณ์ความรู้สึกได้แบบมนุษย์
งานที่ต้องอาศัยทักษะแบบ Soft skills ที่มนุษย์เท่านั้นที่มี เช่น การรับฟังผู้อื่น, การเข้าใจถึงความรู้สึกและความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า, ความคิดสร้างสรรค์, การแก้ปัญหาและตัดสินใจอย่างมีมนุษย์ธรรม, การคิดวิเคราะห์แก้ไขปัญหาที่มีความซับซ้อนในองค์กร เป็นต้น
ดังนั้นคนที่มี Soft Skill จึงกลายเป็นที่ต้องการมากขึ้นในตลาดแรงงาน เพราะเป็นผู้ที่มีทักษะสำคัญที่หุ่นยนต์ไม่สามารถเข้ามาแทนที่ได้
“เราไม่สามารถสอนลูกหลานเราให้มีความสามารถแข่งกับหุ่นยนต์ได้จึงควรสอนในสิ่งที่เป็นเอกลัษณ์ ซึ่งหุ่นยนต์ไม่สามารถทำได้ดีเท่ากับมนุษย์ สิ่งนั้นคือทักษะ Soft Skills”
Jack ma ผู้ก่อตั้ง Alibaba
ในอนาคตอันใกล้ หากตัวเราและองค์กรไม่เรียนรู้ที่จะปรับเปลี่ยนแนวทางในการพัฒนาขีดความสามารถด้าน Soft Skills ของมนุษย์
ในขณะที่เทคโนโลยีด้านต่างๆ เช่น หุ่นยนต์ และ ปัญญาประดิษฐ์ ได้พัฒนาขีดความสามารถในการทำงานด้าน Hard Skills ได้ดีกว่าเรามากขึ้นเรื่อยๆ แบบก้าวกระโดด
เมื่อถึงจุดหนึ่งที่เทคโนโลยีล้ำหน้ามนุษย์ แต่เรากลับไม่มีทักษะความสามารถด้าน Soft Skills ติดตัว คุณค่าและความสำคัญเราในตำแหน่งงานนั้นๆ ก็จะหมดไปในที่สุด
4)วิถีการทำงานสมัยใหม่เน้นการติดต่อสื่อสารที่ดีในการทำงานร่วมกัน
เราจะพบว่าวิถีการทำงานสมัยใหม่ จะเป็นรูปแบบที่เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายในองค์กรสามารถประสานงานและทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งมีการเปิดกว้างให้แสดงความคิดเห็นที่หลากหลายได้อย่างเท่าเทียมกัน
ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นไปได้อย่างราบรื่นก็ต่อเมื่อบุคลากรในองค์กรจะต้องมีทักษะต่างๆ ที่ใช้เพื่อปฏิสัมพันธ์กันกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี
เช่น การฟัง (listening) , การร่วมมือกับผู้อื่น (collaboration) , การนำเสนอแนวคิด (presenting idea) , การติดต่อสื่อสารและการทำงานเป็นทีม (Communication & Teamwork) , การสื่อสารความหมายด้วยความใส่ใจและตรงประเด็น (Truth with Care)
ดังนั้นบุคลากรในองค์กรใดใดก็ตามที่สามารถพัฒนาตนเองจนมีทักษะแบบ Soft Skills ได้ ก็จะกลายเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารทำงานร่วมกันในองค์กร และจะมีความสำคัญต่อความสำเร็จตามเป้าหมายขององค์กรในโลกอนาคต
5)ลูกค้ามีความคาดหวังต่อการบริการที่ดีขึ้น
ทุกวันนี้ลูกค้ามีทางเลือกในการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการ ผ่านช่องทางการติดต่อที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นกว่าในอดีตที่ผ่านมา
ด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารที่ถูกพัฒนามากขึ้น การตลาดสมัยใหม่จึงถูกนำมาใช้ในช่องทางต่างๆ ผ่านอินเตอร์เน็ต สมาร์ทโฟน และแอพพลิเคชั่นเป็นจำนวนมาก
อีกทั้งลูกค้ายังมีทางเลือกที่เพิ่มมากขึ้นจากการแข่งขันในการทำตลาดของคู่แข่งในธุรกิจเดียวกัน ทำให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบาย ได้รับข้อเสนอที่ดีกว่าเดิม และมีความคาดหวังต่อสินค้าและบริการที่โดนใจมากยิ่งขึ้น
ดังนั้น หากพนักงานหรือบุคลากรในองค์กรมีทักษะและความสามารถด้าน Soft Skills เช่น การรับฟังความรู้สึกและความต้องการของลูกค้า, การสื่อสารและการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอย่างเหมาะสม,
การประสานงานร่วมกันเพื่อส่งมอบสินค้าและบริการได้อย่างรวดเร็ว ฯลฯ เพื่อให้ลูกค้ามีความรู้สึกพึงพอใจและตัดสินใจเลือกใช้สินค้าหรือบริการของเรา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นเรื่องสำคัญที่เป็นหัวใจของการให้บริการแก่ลูกค้า (Customer Service) ทั้งสิ้น
6)บริษัทหรือองค์กรต่างๆ ต้องการคนทำงานที่มีทักษะทั้ง Hard Skills และ Soft Skills
องค์กรชั้นนำต่างๆ ในโลกนี้รู้ดีว่า ผู้ที่จะสามารถนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนได้ จะต้องเป็นบุคคลที่มีความสามารถในการทำงานร่วมกับคนอื่น (Collaboration) ไม่ว่าจะเป็นการทำงานร่วมกันภายในทีมของตัวเองหรือแม้กระทั่งการประสานงานและส่งมอบการทำงานข้ามสายงานของตน (Cross-Functional) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดังนั้นบุคลากรที่มีทักษะทั้งด้าน Hard Skills และ Soft Skills จะมีโอกาสเติบโตขึ้นไปเป็นหัวหน้าหรือผู้บริหารที่เก่งทั้งงานและเก่งทั้งคนได้เป็นอย่างดี และจะเป็นบุคลากรที่องค์กรต่างๆ ต้องการตัวมาร่วมงานด้วยมากที่สุด
ซึ่งผู้นำองค์กรคนใดที่มีคุณสมบัติรอบด้านทั้ง Hard Skills และ Soft Skills จะสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่มีประสิทธิภาพได้ตามเป้าหมาย
มีความสามารถในการขับเคลื่อนทีมทำงานได้อย่างมีประสิทธิผล ช่วยลดปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงาน สื่อสารได้ใจลูกน้อง
ซึ่งปัจจัยทั้งหลายเหล่านี้จะช่วยทำให้บุคลากรในองค์กรมีอัตราการลาออกที่ลดลง องค์กรและฝ่ายบุคคลจึงไม่ต้องสูญเสียเวลา สูญเสียเงิน ในการคัดสรรและพัฒนาบุคลากรใหม่อยู่เรื่อยๆ

จากรายงานของ McKinsey ระบุว่าระหว่างปี 1980-2012 ทักษะ Soft Skill จะมีความต้องการมากขึ้นในตลาดแรงงาน และคาดการณ์ว่าในปี 2030 แนวโน้มความต้องการ Soft Skills ของตลาดแรงงานอเมริกาจะเพิ่มสูงขึ้นกว่าในอดีตถึง 26%
รายงานจากเว็บไซต์ Deloitte.com คาดการณ์ว่าในปี 2030 ตลาดแรงงานในออสเตรเลียจะมีงานที่ต้องพึ่งพาทักษะแบบ Soft Skills คิดเป็นสัดส่วนราว 60% และมีแนวโน้มจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันนี้ทั่วโลก
วิธีพัฒนา Soft Skills
- ฝึกฝนทักษะการสื่อสาร การฟัง และการสื่อสารระหว่างบุคคล เพื่อเพิ่มความเข้าใจและสร้างความไว้วางใจในการสื่อสารกับผู้อื่น
- ทำงานเป็นทีมหรือร่วมกิจกรรมที่ต้องการการทำงานเป็นกลุ่ม เพื่อเรียนรู้การสร้างและบำรุงความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในทีม
- พัฒนาทักษะการแก้ไขปัญหาและการตัดสินใจ โดยการฝึกฝนในการวิเคราะห์ปัญหา การหาทางออกที่เหมาะสม และการทำเลือกตัดสินใจที่เป็นมิตรกับผู้อื่นและสนับสนุนการดำเนินงานของทีม
- ให้ความสำคัญกับการปรับตัวและการพัฒนาตนเองเพื่อเข้ากับสถานการณ์และการเปลี่ยนแปลงในสภาวะทำงาน
- ขอคำปรึกษาจากผู้บริหารหรือผู้บังคับบัญชาเพื่อรับข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการพัฒนาตนเอง และตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนในการพัฒนาทักษะ Soft Skills ที่ต้องการเพิ่มเติม
- เข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนหรือองค์กรที่เน้นการพัฒนาทักษะผู้นำ ที่จะช่วยให้คุณได้รับการสนับสนุนและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
- ทบทวนและปรับปรุงตนเองโดยตรวจสอบผลงานของคุณ รับฟังคำติชมและคำแนะนำจากผู้อื่น และพยายามเรียนรู้จากความสำเร็จและความล้มเหลวของตนเองเพื่อพัฒนาสิ่งที่ยังขาดและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
นอกจากนั้นยังมีวิธีอื่น ๆ ที่คุณสามารถพัฒนา hard skills และ soft skills เพื่อเติบโตเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพได้ดังนี้:
- เรียนรู้จากผู้นำที่มีประสบการณ์: อาจเป็นการหาคนที่มีประสบการณ์ในตำแหน่งผู้นำที่คุณปรารถนาจะเป็นไปในอนาคต คุณสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์ของพวกเขา ได้รับคำแนะนำ และเคล็ดลับในการเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพ
- เรียนรู้จากความสำเร็จและความล้มเหลว: ทำการวิเคราะห์และเรียนรู้จากความสำเร็จและความล้มเหลวที่เกิดขึ้นในอดีต ทำความเข้าใจว่าอะไรทำให้เกิดผลสำเร็จหรือล้มเหลว และนำความรู้นี้ไปปรับปรุงและพัฒนาตนเอง
- การเป็นตัวอย่าง: เป็นผู้นำที่ดีและเป็นแบบอย่างต่อทีมงานของคุณ ปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาลและค่านิยมที่ถูกต้อง เป็นคนที่มีความรับผิดชอบ และให้การสนับสนุนแก่สมาชิกในทีม
- การฝึกฝนและสังคม: เข้าร่วมกิจกรรมที่ช่วยพัฒนาทักษะทางบุคลิกภาพและทักษะการทำงานเป็นกลุ่ม อาทิเช่น การฝึกซ้อมการสื่อสาร การนำเสนอ หรือการแก้ไขปัญหา
- การรับผิดชอบโค้ชหรือการปรึกษา: คุณสามารถพิจารณาใช้บริการของโค้ชหรือผู้ปรึกษาที่เชี่ยวชาญในการพัฒนา hard skills และ soft skills ของคุณ พวกเขาสามารถให้คำปรึกษาและแนะนำในการสร้างแผนการพัฒนาสกิลได้อย่างเป็นระบบและเป็นเชิงก้าวหน้า
- การสนับสนุนการเรียนรู้องค์กร: หากคุณทำงานในองค์กรที่มีการสนับสนุนการพัฒนาตนเอง คุณสามารถใช้โครงสร้างการเรียนรู้ที่มีอยู่ เช่น โครงการฝึกอบรม สัมมนา หรือโปรแกรมพัฒนาผู้นำ เพื่อเติมเต็ม hard skills และ soft skills ของคุณ
- การระบุและกำหนดเป้าหมาย: มีการกำหนดเป้าหมายในการพัฒนา hard skills และ soft skills เพื่อให้มีแนวทางที่ชัดเจนในการพัฒนาตนเอง และวัดผลการพัฒนาด้วยตัวชี้วัดที่เหมาะสม เช่น การสำเร็จของโครงการฝึกอบรม การเสริมสร้างทักษะการสื่อสาร เป็นต้น
- การติดตามและประเมิน: ให้ความสำคัญกับการติดตามและประเมินความก้าวหน้าในการพัฒนา hard skills และ soft skills ของคุณ โดยการตรวจสอบว่าคุณได้รับผลกระทบบวกจากการพัฒนาหรือไม่ และปรับแผนการพัฒนาต่อไปตามความต้องการ
คุณสามารถพัฒนา hard skills และ soft skills โดยการอ่านหนังสือ เรียนรู้จากบทความวิชาการ เข้าร่วมคอร์สออนไลน์ หรือเข้าถึงแหล่งข้อมูลออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับทักษะ Soft Skills ที่คุณต้องการพัฒนา เช่นเว็บไซต์การศึกษา บล็อก หรือวิดีโอบนเว็บไซต์
- การพัฒนาทักษะทางการสื่อสาร: การสื่อสารเป็นทักษะที่สำคัญสำหรับผู้นำ คุณสามารถเข้าร่วมคอร์สหรือโปรแกรมฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ เช่นการนำเสนอ การเขียนรายงาน การสื่อสารในสถานการณ์ที่ซับซ้อน หรือการใช้ภาษาไม่แพร่หลาย
- การสร้างความเข้าใจและการนำองค์กร: เข้าร่วมโครงการหรือฝึกอบรมที่เน้นให้คุณเข้าใจถึงวิสัยทัศน์ พันธกิจ และกลยุทธ์ขององค์กร รวมถึงการเรียนรู้วิธีการนำและการวางแผนเพื่อนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จ
- การสร้างความเป็นผู้นำในสถานการณ์ที่ท้าทาย: คุณสามารถพัฒนา soft skills ของคุณโดยการตั้งค่าตัวเองให้เป็นผู้นำในสถานการณ์ที่ท้าทาย เช่นการเอาใจใส่ในการแก้ไขปัญหา การจัดการความขัดแย้ง
- การพัฒนาการวางแผนและการบริหารเวลา: เป็นผู้นำที่มีการวางแผนและบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถจัดการกับงานและโครงการในเวลาที่กำหนดได้ สามารถใช้เทคนิคการวางแผนเช่น Matrix Eisenhower, Pomodoro Technique, หรือ Time Blocking เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
- การเรียนรู้จากการตัดสินใจ: ทำความเข้าใจถึงกระบวนการตัดสินใจที่ดี ศึกษาวิธีการวิเคราะห์สถานการณ์ การตัดสินใจที่มีเสถียรภาพและการตระหนักถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และพัฒนาทักษะในการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพ
- การพัฒนาการเป็นผู้นำเชิงวิสัยทัศน์: ทำความเข้าใจถึงวิสัยทัศน์และค่านิยมขององค์กร และเริ่มความพึงพอใจในการทำงานตามวิสัยทัศน์ สร้างสรรค์และสร้างบรรยากาศที่สนับสนุนการทำงานในทีมที่ช่วยให้ทุกคนไปในทิศทางเดียวกัน
- การพัฒนาการสร้างความไว้วางใจ: เป็นผู้นำที่มีความน่าเชื่อถือและสร้างความไว้วางใจให้กับทีมงาน สร้างความโปร่งใสและเปิดเผยข้อมูล ปฏิบัติอย่างเต็มใจและให้คำแนะนำอย่างเป็นกลาง เพื่อสร้างความเชื่อมั่น
- การพัฒนาการเป็นผู้นำที่ให้การติดตามและตรวจสอบ: เป็นผู้นำที่มีการติดตามและตรวจสอบความคืบหน้าของทีม สร้างระบบการติดตามและรายงานความก้าวหน้าให้กับสมาชิกในทีม เพื่อให้ทุกคนมีความชัดเจนว่าว่าทางไปให้ถูกต้องและสนับสนุนในการพัฒนา
- การพัฒนาการเรียนรู้แบบตลอดชีวิต: ผู้นำที่มีการพัฒนาตนเองเป็นประจำจะมีแนวโน้มที่จะต้องการเรียนรู้และพัฒนาตนเองตลอดชีวิต สามารถค้นคว้าและเรียนรู้จากแหล่งข้อมูลใหม่ ๆ เพื่อปรับปรุงความรู้และทักษะใหม่ ๆ ที่สอดคล้องกับสภาวะผู้นำที่ทันสมัย
- การร่วมงานกับผู้อื่น: การเรียนรู้และพัฒนา hard skills และ soft skills สามารถทำได้ผ่านการร่วมงานกับผู้อื่น คุณสามารถเรียนรู้จากคนอื่น ๆ ในทีม แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และฝึกฝนทักษะร่วมกัน เช่น การเจรจาต่อรอง การแก้ไขข้อขัดแย้ง หรือการสร้างความร่วมมือ
- การพัฒนาการเป็นผู้นำด้วยการลงมือทำ: เพื่อพัฒนา hard skills และ soft skills ให้เป็นทักษะที่แข็งแกร่งมากขึ้น คุณควรลงมือปฏิบัติและฝึกฝนโดยการรับผิดชอบโครงการหรือกิจกรรม
- การเรียนรู้จากประสบการณ์: ประสบการณ์จริงในการทำงานและการเผชิญกับสถานการณ์ต่าง ๆ เป็นแหล่งเรียนรู้ที่มีความคุ้มค่ามาก คุณสามารถนำประสบการณ์ที่ผ่านมาเพื่อพัฒนา hard skills และ soft skills โดยการวิเคราะห์และสร้างเรียนรู้จากข้อผิดพลาด หรือสิ่งที่ทำได้ดีเพื่อเติมเต็มความรู้และทักษะของคุณ
- การพัฒนาอารมณ์และความสัมพันธ์: การพัฒนา soft skills ในเรื่องของการบริหารจัดการอารมณ์และความสัมพันธ์เป็นสิ่งสำคัญ คุณสามารถเรียนรู้และฝึกฝนทักษะด้านการสื่อสารระหว่างบุคคล การเจรจาต่อรอง การทำงานร่วมกันในทีม และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่น
- การพัฒนาความยืดหยุ่นและการปรับตัว: สิ่งที่สำคัญสำหรับการพัฒนา soft skills คือความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับตัวกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป คุณสามารถฝึกฝนการทำงานในสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน การรับผิดชอบในบทบาทที่แตกต่าง หรือการรับมือกับภาวะวิกฤติ
- การร่วมกิจกรรมที่สนับสนุนการพัฒนา: เข้าร่วมกิจกรรมที่สนับสนุนการพัฒนา hard skills และ soft skills เช่น งานอาสา กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการนำ การสร้างทีม หรือการพัฒนาทักษะส่วนบุคคล ที่จัดขึ้นโดยองค์กรหรือชุมชน
- การประเมินและปรับปรุงตนเอง: สุดท้ายนี้ คุณสามารถทำการประเมินตนเองเพื่อตรวจสอบความเหมาะสมและพัฒนาการพัฒนา hard skills และ soft skills ของคุณ สามารถใช้แบบประเมินออนไลน์ หรือขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อช่วยในการวางแผนการพัฒนาและการปรับปรุงตนเอง
สรุป การพัฒนา Soft Skills และ Hard skills เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความมุ่งมั่น ความสำเร็จของการพัฒนาทักษะขึ้นอยู่กับความพยายามและการทำงานอย่างต่อเนื่อง ด้วยการพัฒนาทักษะเหล่านี้ คุณจะสามารถเติบโตเป็นผู้นำที่มีความสามารถและมั่นใจในการประสานงานและสร้างผลลัพธ์ที่ดีในองค์กรของคุณได้
Soft Skills คือทักษะสำคัญในยุคดิจิทัล
เป็นทักษะที่ควรเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับทุกโอกาสที่เข้ามาและปรับตัวหากอยากประสบความสำเร็จ
Soft Skills มีอะไรบ้าง
- ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence)
- ทักษะการสื่อสาร (Communication Skill)
- ความสามารถในการปรับตัว (Adaptability)
- การทำงานร่วมกับผู้อื่น (Collaboration)
- การคิดเชิงวิเคราะห์และเลือกตัดสินใจ (Analytical Thinking and Decision-making)
- ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity)
- การบริหารเวลา (Time Management)
- การแก้ไขปัญหาที่มีความซับซ้อน (Complex Problem Solving)
- การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Life-Long Learning)
ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence)
การทำงานในองค์กรหรือแม้แต่คนที่ทำงานอิสระเองนั้น ต้องมีการติดต่อประสานงานกับผู้อื่นทั้งสิ้น ดังนั้น ความฉลาดทางอารมณ์หรือ EQ จึงเป็นทักษะที่สำคัญอย่างมาก
เพราะคนที่มีความฉลาดทางอารมณ์ จะมีความสามารถในการสังเกต ทำความเข้าใจ จัดการ และแสดงออกทางอารมณ์ของตัวเองได้อย่างดี
รวมถึงสังเกตและทำความเข้าใจอารมณ์ของคนอื่นด้วย ทักษะนี้จะช่วยให้คนทำงานสามารถควบคุมอารมณ์และแสดงออกได้อย่างเหมาะสมในแต่ละสถานการณ์
ทักษะการสื่อสาร (Communication Skill)
การทำงานในธุรกิจไหนหรือองค์กรใดก็ตาม ล้วนต้องมีการติดต่อสื่อสารกัน ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนองาน การเสนอความคิดเห็นทั้งกับหัวหน้า เพื่อนร่วมงานหรือลูกน้อง
ซึ่งการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้เกิดความร่วมมือและการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการทำงาน ทำให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น
ความสามารถในการปรับตัว (Adaptability)
โลกทุกวันนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือในการทำงาน หรือรูปแบบการติดต่อสื่อสาร
ความสามารถในการปรับตัวและมีความยืดหยุ่นทางความคิดจึงสำคัญมาก โดยคนที่มีทักษะในการปรับตัวและเปลี่ยนมุมมองความคิด จะสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้น
และยังสามารถพลิกแพลงหาวิธีที่เหมาะสมกับสถานการณ์หรือเหตุการณ์ต่างๆได้เป็นอย่างดี
การทำงานร่วมกับผู้อื่น (Collaboration)
เพราะการทำงานทุกวันนี้เราต้องทำงานร่วมกับคนที่หลากหลาย ทั้งในแง่ของสายงาน ช่วงวัยที่ต่างกัน เช่น gen X, gen y, gen z หรือรูปแบบการทำงานที่ไม่เหมือนกัน
ดังนั้น องค์กรต่างๆ จึงต้องการคนทำงานที่มีทักษะในการทำงานร่วมกับคนอื่น เพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานร่วมกันภายในทีมตัวเองและการทำงานร่วมกับคนอื่นๆ
รวมไปถึงทักษะในการบริหารคนที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในคนทำงานระดับหัวหน้าอีกต่อไป แต่จำเป็นสำหรับคนทำงานในทุกๆ ระดับ
การคิดเชิงวิเคราะห์และเลือกตัดสินใจ (Analytical Thinking and Decision-making)
ยุคแห่งข้อมูลมหาศาลที่รอให้เข้าไปขุดค้นออกมา หรือ Big Data กำลังเป็นที่พูดถึงกันมากขึ้นเรื่อยๆ ทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์จะช่วยให้เราสามารถย่อยข้อมูลจำนวนมากได้
โดยต้องรู้จักตั้งคำถามเชิงวิเคราะห์ ระบุปัญหา ประมวลข้อมูล ตีความ ประเมินทางเลือกและตัดสินใจ เพื่อให้องค์กรได้ประโยชน์สูงสุด และเกิดความผิดพลาดน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้หรือไม่มีความผิดพลาดเลย
ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity)
เป็นทักษะที่สร้างแนวคิดใหม่ๆ พัฒนาวิธีการใหม่ๆที่แตกต่างจากเดิม ช่วยให้การทำงานดีขึ้นหรือแก้ปัญหาได้ดีขึ้น
ถือเป็นทักษะที่มีคุณค่า เพราะนำมาใช้กับงาน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่จะช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้า
ซึ่งองค์กรต่างๆ อยากได้คนที่มีทักษะนี้เข้าไปมีส่วนร่วมในการหยิบเอาเทคโนโลยี วิธีการทำงาน หรือแนวคิดมาใช้สร้างสรรค์ไอเดียใหม่ๆ ให้องค์กรด้วย
การบริหารเวลา (Time Management)
ทักษะการบริหารเวลาโดยเฉพาะยุคปัจจุบันที่คนต้องทำงานเร่งรีบแข่งกับเวลา แต่ละวันมีเวลาจำกัดแค่ 24 ชั่วโมง จะใช้เวลาอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ดังนั้นจึงควรมีการวางแผน ควบคุม กำหนดระยะเวลา และจัดลำดับความสำคัญของงานให้ชัดเจน เพื่อทำให้งานสําเร็จตามเป้าหมายในเวลาที่กำหนด
การแก้ไขปัญหาที่มีความซับซ้อน (Complex Problem Solving)
เนื่องจากทุกวันนี้องค์กรต่างๆ ถูกผลกระทบจากเทคโนโลยี ตลอดจนความหลากหลายของธุรกิจ ทำให้ปัญหาที่เกิดขึ้นมีความแตกต่างไปจากอดีตและมีความซับซ้อนมากขึ้น
ทำให้ทักษะการแก้ไขปัญหาที่มีความซับซ้อนมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ โดยทักษะนี้ต้องอาศัยหลายทักษะย่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น การรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล การระบุปัญหาและความต้องการของลูกค้า
มีความเข้าใจในการเชื่อมโยง และการอ่านบริบทของธุรกิจ ตลอดจนต้องสร้างสรรค์วิธีแก้ไขปัญหาในรูปแบบต่างๆ ตามแต่ละสถานการณ์แล้วตัดสินใจแก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสม
การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Life-Long Learning)
ในปัจจุบันการพัฒนาที่ก้าวกระโดดของเทคโนโลยีทำให้เกิดนวัตกรรม เกิดอาชีพใหม่ๆ ตลอดจนวิธีการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป
ดังนั้น คนทำงานจึงต้องมีการเตรียมพร้อมในการเรียนรู้อยู่เสมอ และต้องทำตัวเองให้เป็นนักเรียนรู้ตลอดชีวิต การเรียนรู้ตลอดชีวิตจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
สรุป
Soft Skills คือ ทักษะแห่งอนาคตที่จำเป็นสำหรับคนทำงาน ที่จะต้องให้ความสนใจ เรียนรู้ และหมั่นฝึกฝนให้ชำนาญมากขึ้นในหลายๆด้าน
เพราะในอนาคตบุคลากรที่มีความสามารถในการทำงานให้ประสบความสำเร็จจะไม่ใช่มีแค่เพียงทักษะทางวิชาชีพหรือ Hard Skills เท่านั้น แต่ยังจำเป็นที่จะต้องมีทักษะด้าน Soft Skills อีกด้วย
ทั้งนี้การจะส่งเสริมทักษะให้แก่บุคคลที่เข้ามาทำงานได้มี Soft Skills เพื่อให้มีความสามารถในการทำความเข้าใจกับตัวเอง สามารถการบริหารจัดการอารมณ์ และปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้เป็นอย่างดีนั้น จะต้องใช้การพัฒนาทักษะแบบระยะยาว
เพราะ Soft Skills เป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดจากการแค่ฟังบรรยายหรืออ่านหนังสือเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
เนื่องจากต้องลงทุนให้เวลากับการเรียนรู้ และลงมือทำนอกห้องเรียนในชีวิตจริงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้รับประสบการณ์ในการปรับตัวในการทำงานร่วมกับผู้อื่นและการอยู่ร่วมในสังคมที่เกี่ยวเนื่องกับอาชีพต่างๆ
หากท่านมองหาวิธีพัฒนา Soft Skills ทางบริษัท PALAGRIT เรามีหลักสูตร Soft Skills เชิงปฏิบัติการที่น่าสนใจ ที่จะช่วยตอบโจทย์ความต้องการท่านได้ในทุกระดับ
ตั้งแต่ระดับผู้บริหารไปจนถึงระดับปฏิบัติการ หรือแม้กระทั่งเจ้าของธุรกิจได้เป็นอย่างดี สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
Reference :
Wikipedia