ภาพบรรยากาศ Slow Life ในหลักสูตร “วิชาใช้ชีวิตให้มีความสุข” โดยสวนโมกข์กรุงเทพฯ
ซึ่งในครั้งนี้ ผมได้มีโอกาสมาช่วยพี่ชายและพี่สาวที่น่ารัก (พี่โจ้ และพี่ต๋อย) จัดกระบวนเรียนรู้ให้กับ บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด มหาชน โดยกระบวนการตลอดวันมุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีสติในทุกย่างก้าว
ผมสังเกตเห็นได้ชัดว่าการเรียนรู้ธรรมมะผ่านภา ปริศนาธรรมใน ”โรงมหรสพทางวิญญาณ” เป็นการเรียนรู้ธรรมมะแบบมีชีวิตชีวา ทันสมัย ซึ่งพิสูจน์ได้จากรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของน้องๆที่เข้าร่วมกิจกรรมได้ตลอดทั้งวัน
กระบวนการบ่มเพาะสติ เสริมกำลังบุญ กับการปักถุงผ้าเหลืองเติมใจผู้ป่วย โดยพี่ๆที่น่ารักจากเครือข่ายชีวิตสิกขา(พี่อ่าง พี่หมู พี่จุ๊บ) ช่วยให้น้องๆได้บทเรียนและผ่อนคลายกับความเร่งรีบของจิตกับกายได้อย่างน่าอัศจรรย์
โดยตลอดวันพี่โจ้และผม ได้ช่วยกันนำการภาวนาผ่านการเคลื่อนไหว และนำพาให้ผู้เรียนเข้าถึงบทเรียนที่ลึกซึ้งร่วมกันด้วย Dialogue ในการบ่มเพาะสติแบบเรียบง่ายที่สุดสำหรับน้องๆที่อาจจะเพิ่งเคยเข้ากระบวนการกลุ่มที่นำพาโดยกระบวนกร
เพื่อช่วยส่งเสริมกระบวนการตลอดวันให้น้องๆได้สะท้อนถึงบทเรียนต่างๆที่สามารถนำไปประยุกต์เพื่อใช้ชีวิตให้มีความสุขกว่าที่เคยเป็นมาได้
ผมรู้สึกประทับใจ ที่มีน้องผู้หญิงคนหนึ่งกล่าวในวงสุนทรียสนทนาว่า.. “..วันนี้หนูได้มุมมองใหม่ในการใช้ชีวิต ว่าที่ผ่านมา ที่เราเคยมองว่าเหตุการณ์ร้ายๆที่เข้ามาในชีวิตเรามันแย่ เป็นเพราะคนนั้น เป็นเพราะคนนี้
จริงๆแล้วมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับใครเลย เราต้องกลับมาดูที่ตัวเราเองก่อน เพราะทุกอย่างมันมีสาเหตุเริ่มต้นที่เราทั้งหมด หนูจะใช้ชีวิตให้มีสติยิ่งขึ้นกว่าเดิมค่ะ..”
ผมได้ยินแล้วรู้สึกทึ่งและยินดีกับน้องๆหลายๆคน ที่สามารถเข้าถึงข้อธรรมที่เรียบง่ายและลึกซึ้ง โดยส่วนตัวผมหวังว่าประสบการณ์การเรียนรู้ของน้องๆในวันนี้จะเป็นดั่งของขวัญในการใช้ชีวิตของน้องๆในอนาคตได้เป็นอย่างดีนะครับ…